องค์กรเครือข่าย
 
 
 
 
 
 
 
 
การตระเตรียมเพื่อความสำเร็จในการแต่งงาน

การนำเสนอวันนี้ เรากำลังมุ่งสู่การแก้ไขปัญหาหลักที่เรากำลังเผชิญในปัจจุบัน เรากำลังพิจารณาคำถามที่ว่า เราจะตระเตรียมเพื่อความสำเร็จในการแต่งงาน? แล้วในฐานะที่เป็นนักการศึกษา เราจะสามารถทำให้กระบวนการนี้ดำเนินไป? เราจะมาพิจารณาในสามประเด็นต่อไปนี้ 

ประเด็นแรก อะไรคือการท้าทายทางเพศที่เยาวชนกำลังเผชิญหน้าอยู่? 

ประเด็นที่สอง อะไรคือการเตรียมตัวที่ดีที่สุดที่เยาวชนต้องกระทำเพื่อความสำเร็จในการแต่งงานในอนาคต? 

ประเด็นที่สาม อะไรคือกลยุทธ์ที่เราจะมอบให้เยาวชนเพื่อรักษาความบริสุทธิ์ทางเพศ? 

อะไรคือการท้าทายทางเพศที่เยาวชนกำลังเผชิญ? ช่วงเวลาหนุ่มสาวเป็นช่วงเวลาของการเตรียมเพื่อมีความรักแบบสามีภรรยาในอนาคต ช่วงเวลาวัยรุ่น เป็นเป็นช่วงเวลาที่สดใสของชีวิต พวกเขาสนใจในเรื่องอุดมคติ อ่อนไหว ช่างคิดช่างฝัน พวกเขาต้องการรู้จักโลก ต้องการเสี่ยงในทุกรูปแบบ วัยหนุ่มสาว เป็นวัยที่จิตใจและร่างกายมีความสมบูรณ์พร้อมเพื่อเตรียมตัวสำหรับการมีชีวิตแต่งงานกับการเป็นพ่อแม่ ทิศทางของชีวิตเริ่มเปลี่ยนจาก “เห็นแก่ตัว” ไปสู่ “การไม่เห็นแก่ตัว” มากขึ้น 

หนุ่มสาวที่กำลังเติบโตสู่การแต่งงานนั้นเหมือนกับดอกไม้ที่กำลังจะบาน การท้าทายที่สำคัญที่สุดของหนุ่มสาวก็คือการรักษาความบริสุทธิ์ทางเพศ การสงวน ความสัมพันธ์ทางเพศจนกว่าแต่งงาน การควบคุมความรู้สึกทางเพศ และการควบคุมพลังทางเพศให้มุ่งสู่จุดมุ่งหมาย เชิงสร้างสรรค์ก็เหมือนกับการรักษาความ สัมพันธ์ที่บริสุทธิ์ระหว่างเพื่อน และต่อเพศตรงข้าม

 ความรักหมายถึงการทุ่มเทให้ผู้อื่นโดยปราศจากเงื่อนไข ความรักเหมือนกับสิ่งที่ฟุ้งออกมาจากหัวใจ อย่างไรก็ตาม ความคิดเกี่ยวกับความรักในสังคม ปัจจุบัน ได้กลายเป็นสิ่งที่สับสน ส่วนหนึ่งของความสับสนในความรักได้แก่วัฒนธรรมอย่างหนึ่งที่เป็นที่รู้จักกันดี คือ “ความรักแบบเพ้อฝัน” การให้ “การตกหลุมรัก” มี คุณค่าทัดเทียมกับ “ความรักที่แท้จริง” นั่นเป็นการให้คุณค่าที่ผิดหลักตรรกะวิทยา การตกหลุมรักมิได้อธิบายถึง “การเสียสละ” ทั้งหมด ซึ่งการเสียสละ เป็น คุณสมบัติของความรักที่แท้จริง ความรักของพ่อแม่เป็นรูปแบบสูงสุดของความรัก ความรักของพ่อแม่เป็นความรักที่ไม่เห็นแก่ตัว ความรักของพ่อแม่ เป็นรูป แบบพื้นฐานของความรักมากกว่าการตกหลุมรัก 

นับตั้งแต่ดั้งเดิม สังคมตะวันตกยังคงยืนยันว่าเพศสัมพันธ์ควรถูกสงวนไว้สำหรับการแต่งงานเท่านั้น ประเพณีนี้มีอยู่จนกระทั่งถึงทศวรรษที่ 196 อย่างไรก็ตาม หลังเกิด “การปฏิวัติทางเพศ” เมื่อประมาณสี่สิบปีก่อนก็มีผลทำให้ประเพณีดังกล่าวเริ่มสูญหายไป จากเดิมที่เชื่อกันว่าเราจะเรียนรู้ความรัก (แบบสามีภรรยา) เฉพาะกับคนที่เราจะแต่งงาน ก็เปลี่ยนเป็น เราจะแต่งงานกับคนที่เราคิดว่าเราจะรัก ความแตกต่างระหว่างความคิดสองแบบนี้มีความหมายอย่างมากต่อสังคมของเรา 

มันได้ทำให้เกิดความสับสนในธรรมชาติของความรัก คนมากมายสับสนในเรื่องความรัก เมื่อเราชอบใครบางคน ก็หมายความว่าเกิดมีแรงดึงดูดใจ และเราก็ โอนเอนไปบนความพอใจส่วนตัว เราก็รู้สึกอบอุ่นด้วย อย่างไรก็ตาม การรักใครบางคนเป็นผลของความต้องการในขณะนั้น หมายความว่า ความต้องการ นั้น เป็นความรู้สึกลึก ๆ ที่ปะปนกับอยู่ความรัก ดังนั้นความรักนั้นเป็นการกระทำที่เกิดจากความต้องการ ความรักจึงมิได้เป็นการกระทำ ที่เกิดจากความรู้สึก ของ ตนเอง การรู้สึกห่วงใยใครบางคนนั้นก็หมายความว่าท่านรู้สึกห่วงใยเขาคนนั้น ไม่สำคัญว่าท่านรู้สึกอะไรอยู่หรือไม่ในขณะนั้น ท่านอาจมีความรู้สึกเป็นบวก หรือเป็นลบ แต่การเสียสละก็คือองค์ประกอบของความรัก หมายความว่า ไม่ว่าเขาจะประสบกับความยากลำบากมากเพียงใดก็ตาม เขาก็เอาชนะความ ยาก ลำบากนั้นได้โดยการมีความรักเป็นแกนกลาง เพราะเขาหวังใจเสมอว่าจะมอบความงามกลับคืน นี่คือความเข้าใจที่ว่าความรักคือการกระทำของความต้องการ และความต้องการนั้นก็ไม่ได้เป็นความรู้สึกอบอุ่นโดยธรรมชาติ ซึ่งความรู้สึกอบอุ่นอย่างเป็นธรรมชาตินี้เองที่เป็นปัจจัยพื้นฐานภายในที่ป้องกัน เยาวชนของเรา ให้พ้นจากการกระทำที่ผิดพลาดร้ายแรงต่าง ๆ 

ดร. เอ็ม สกอต เพ็ค กล่าวไว้ว่า “ความคิดผิด ๆ เกี่ยวกับความรัก ที่ทรงอิทธิพลที่สุดก็คือ การคิดว่า การตกหลุมรักคือความรัก” ความลุ่มหลงกับการตกหลุมรัก นั้นมักเจือไปด้วยความต้องการมีเพศสัมพันธ์ การตกหลุมรักนี้มักเป็นเพียงประสบการณ์แบบชั่วครั้งชั่วคราว มันคือการลิ้มรสผลของการทุ่มเทในความ สัมพันธ์ แบบนอกเวลา มันเป็นเพียงการลิ้มรสเท่านั้น และจะค่อย ๆ จางหายไป การตกหลุมรักไม่ใช่ความรักจริง ๆ แต่เป็นความดึงดูดใจที่รุนแรงมากเท่านั้น ประสบการณ์สอนให้เราเห็นว่าเมื่อตกหลุมรักง่าย ๆ ก็เลิกรักได้ง่าย ๆ ได้เหมือนกัน 

วัยรุ่นอายุต่ำกว่า 19 ปีบอกถึงสาเหตุที่พวกเขามีเพศสัมพันธ์ก่อนสมรส ดังต่อไปนี้คือ วัยรุ่น 2 ใน 3 กล่าวว่าเพศสัมพันธ์เกิดจากความอยากรู้อยากเห็นทั่ว ๆ ไป พวกเขาต้องการรู้ว่ามันเป็นอย่างไร แล้วก็ลอง วัยรุ่นจำนวนครึ่งหนึ่งในกลุ่มบอกว่าพวกเขาตกอยู่ในความรัก แต่อย่างที่เราเห็นแล้วว่า ในปัจจุบัน ความรู้ ความ เข้าใจเรื่องความรักในสังคมนั้นสับสนอย่างยิ่ง ครึ่งหนึ่งบอกว่าพวกเขาทำสิ่งนั้นเพราะประทับใจในคน ๆ นั้น วัยรุ่นหญิง 64 % บอกว่าพวกเธอมีเพศสัมพันธ์เพราะ ถูกเพื่อนชายรบเร้า และวัยรุ่นชาย 35 % บอกว่าพวกเขามีเพศสัมพันธ์เพราะถูกเพื่อนหญิงรบเร้า บางคู่อาจบอกว่า “ถ้าเธอรักฉัน เธอต้องร่วมเพศกับฉัน” นี่คือ การเร่งรัดที่น่าตกใจ 

การเร่งรัดให้วัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์แบบสอดใส่ก่อนแต่งงานได้ส่งผลกระทบต่อสังคมปัจจุบันอย่างยิ่ง การมีเพศสัมพันธ์ก่อนการแต่งงาน จะส่งผลเสียต่อความ สัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาในอนาคต เพศสัมพันธ์ไม่สามารถทดแทนความรักได้ บ่อยครั้งที่วัยรุ่นที่กำลังมองหาความรักมักพัวพันการมีเพศสัมพันธ์ แท้จริงแล้ว บ่อยครั้งที่พวกเขาไม่ได้รับความรักจากครอบครัว จากครูอาจารย์ หรือจากคนที่มีความหมายกับพวกเขา พวกเขาสับสน และคิดว่าถ้าเขามีเพศสัมพันธ์ เขาจะ ได้รับความรักในส่วนที่ขาดหายไป อย่างไรก็ตาม วัยรุ่นมากมายพบกับความผิดหวังหลังจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก เขาไม่ได้รับสิ่งที่คาดว่าจะได้รับ เพศ สัมพันธ์ไม่สามารถแทนความเป็นเพื่อนได้ เพศสัมพันธ์ไม่สามารถรักษาความเปล่าเปลี่ยวได้ บ่อยครั้งที่คนที่รู้สึกโดดเดี่ยวมักต้องการเป็น อันหนึ่งอันเดียวกันกับ เพื่อนชายหรือเพื่อนหญิงเพื่อทำให้ความรู้สึกโดดเดี่ยวนั้นหายไป อย่างไรก็ตาม แทบทุกรายล้วนจบลงด้วยความรู้สึกที่โดดเดี่ยวและความผิดหวังยิ่งกว่าเดิม

 การปฏิวัติทางเพศในทศวรรษที่ 1960 ได้ให้สัญญากับอิสรภาพในความรักที่ปลอดการควบคุมของการแต่งงานและความเป็นพ่อเป็นแม่ และบ่อยครั้งที่ปราศจากความรักตัวเองด้วย นับเป็นคราวเคราะห์ที่คำว่า “อิสรภาพ” ที่พวกเขาเรียกกันนั้นไม่ได้รวม “ความพึงพอใจที่เท่าเทียมกัน” เข้าไปด้วย ดังนั้น ผลที่ตามมากจากการปฏิวัติทางเพศก็คือ เพศสัมพันธ์ทั้งหลายที่ปราศจากคำมั่นสัญญานั้นได้สร้างการแตกร้าว และหยุดยั้งความเข้าใจผิดมิให้เกิดขึ้น 

การมีเพศสัมพันธ์ไม่สามารถทำให้เกิดวุฒิภาวะได้ มีการเร่งรัดจากสื่อมวลชนและอุตสาหกรรมบันเทิงที่บอกวัยรุ่นว่า การมีเพศสัมพันธ์เป็นขั้นแรก ของการ กลายเป็นผู้ใหญ่ อย่างไรก็ตาม เพศสัมพันธ์มิได้เป็นเครื่องยืนยันถึงความเป็นผู้ใหญ่ เพศสัมพันธ์มิได้เป็นเครื่องหมายแสดงความเป็นชายหรือเป็นหญิง เพราะ ความหมายจริง ๆ ของความเป็นผู้ใหญ่ก็คือ การมีวินัยในตนเอง และมีความสามารถในการเลื่อนความต้องการทางเพศออกไปได้ นี่คือเครื่องหมายของการ มีวุฒิภาวะ 

เพศสัมพันธ์เป็นส่วนหนึ่งของการแต่งงานก็เพราะว่าเพศสัมพันธ์เป็นเสน่ห์ของความรักของสามีภรรยา เพศสัมพันธ์ที่อยู่นอกความสัมพันธ์ ที่เป็นหนึ่งเดียว ของสามีภรรยาจะทำให้ความสัมพันธ์อื่น ๆ บิดเบือน ทำไมจึงทำให้บิดเบือน? เพราะการมีเพศสัมพันธ์นอกสมรสเป็นการเริ่มต้นมิติที่เห็นแก่ตัว เป็นการสร้าง ความหึงหวง และการอิจฉา ซึ่งข้อสรุปของมันก็คือ การมีเพศสัมพันธ์นอกสมรสเป็นการทำร้ายทั้งตนเองและผู้อื่น 

หน้า
1    2    3   ถัดไป >>
 
 
หน้าหลัก  |  เกี่ยวกับเรา  |  กิจกรรม  |  ติดต่อเรา